สำคัญที่ 'เลือกเป็น'

และแล้ว ‘กันสาด’ ขนาดมินิ พร้อม ‘เฉลียงไม้’ ขนาดใหญ่เอาไว้นอนดูดาว ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หลังจากตัดสินใจอยู่นานว่า จะใช้ไม้จริง หรือไม้เทียม
ถัดจากนี้ก็เหลือแค่เลือกต้นไม้มาลงให้สวยงาม
ภารกิจตกแต่งบ้านก็จะเสร็จไปอีกหนึ่งอย่าง

การปลูกต้นไม้ ก็ต้องมองอนาคตด้วยครับ
แม้ตอนซื้อมาจะมีขนาดกำลังดี สวยถูกใจ แต่ถ้าเป็นไม้พันธุ์ใหญ่ขนาดรัศมีใบสี่ห้าเมตร อันนี้ก็ไม่ควรเสี่ยง
ใบที่แผ่กว้างออกไป บ่งบอกว่า รากก็ชอนไชในรัศมีพอๆกัน ฉะนั้นต้นไม้บางอย่าง เหมาะแก่การปลูกในสวนป่าหรือทุ่งโล่งเท่านั้น

นอกจากนี้แล้ว ควรเลือกต้นไม้สไตล์ บอยด์ โกสิยพงษ์
เป็นต้นไม้ในแบบ ‘ฤดูที่แตกต่าง’ ครับ
ไม่ควรเลือกต้นไม้ที่มีฤดูเดียว อย่าง ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ แม้จะดูโรแมนติกเหมือนหนังเกาหลี แต่การเก็บกวาดใบไม้ทั้งปีเป็นงานที่ไม่สนุกเลย

“ไม้จริงดีกว่าไม้เทียมอย่างไร?”
“การติดตั้งไม้เทียมต้องวางตงห่างแค่ไหน?”
“ต้นไม้ที่เหมาะกับบ้านพื้นที่จำกัด?”
ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านี้หาได้แบบฟรีๆ พร้อมมีภาพตัวอย่างมาแสดงให้ดูด้วย

หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน ผมคงต้องซื้อหนังสือหลายเล่ม ยืมเพื่อนอ่านหลายคน หรือไม่ก็ยืนอ่านในร้านเป็นชั่วโมง
และบางอย่างก็ไม่มีในตำราเสียด้วย ต้องลองทำไปเลย ไว้เจอปัญหาค่อยว่ากัน
เข้าทำนอง ‘ทำไป แก้ไป’

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีนี้เองครับ
บางอย่างที่หายาก กลายเป็น หาง่าย
บางอย่างเคยขาย กลายเป็น ให้ฟรี
แล้ว ‘โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี’ ของนักเศรษฐศาสตร์จะยังเป็นจริงหรือเปล่า

เสาเข็มของวิชาเศรษฐศาสตร์มาจากเรื่อง ‘มีจำนวนจำกัด’
เงินก็มีจำกัด ที่ดินก็มีจำกัด แรงงานก็มีจำกัด ความสามารถก็มีจำกัด ความรู้ก็มีจำกัด อะไรๆก็จำกัด มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่ไม่ยอมจำกัดไปกับเขา นั่นคือ ‘ความอยาก’ แหะๆ

ใครมีเงินทุนเยอะ มีที่ดินมาก มีแรงงานราคาถูก มีโนฮาวเจ๋งๆ ย่อมได้เปรียบ!
นี่คือเวทีการแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นมาในอดีต

แต่พอมี ‘ของฟรี’ บางอย่างโผล่ขึ้นมา
‘ร้านค้าออนไลน์’
‘ข้อมูลดีๆที่สามารถนำไปต่อยอดทำการค้า’
‘ค้นหาผู้ผลิตวัตถุดิบราคาถูกๆ’
‘โฆษณาสินค้าแบบเนียนๆ’
‘แอบถามความคิดเห็นลูกค้า’
‘ใบเสนอราคาเวอร์ชั่นออนไลน์’
‘โปรแกรมจัดการเรื่องบัญชี’ และอีกหลายๆอย่าง
เวทีธุรกิจที่ว่า ก็เปลี่ยนไป

ของฟรีเหล่านี้ (บางอย่างอาจเป็นแค่ เกือบฟรี เพราะต้องจ่ายเงินนิดหน่อย) ทำให้ ‘เงิน-ที่ดิน-แรงงาน’ ไม่ใช่ตัวตัดสินแชมป์อีกต่อไป
แต่…
การใช้ของฟรี ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
ยิ่งนับวัน ของฟรี ยิ่งมีมากเป็นทวีคูณ สวนทางกับเสาเข็มทางเศรษฐศาสตร์ซะงั้น
อาการ ‘มีจำนวนไม่จำกัด’ จึงกลายเป็นโจทย์ใหม่ในชีวิต

ตัวตัดสินในการแข่งขันบนเวทีใหม่ จึงอยู่ที่ว่า “ใครเลือกเป็น”
เลือกเวบไซด์ไหน จึงจะเหมาะกับสินค้าของเรา
เลือกส่งของแบบไหน จึงจะถูกใจลูกค้า
จะเชื่อข้อมูลไหน เพราะมีหลากหลายคำตอบ
จะกู้แบงก์ไหน เพราะต่างก็บอกว่าดอกเบี้ยถูก
มีหน้าร้านอยู่แล้ว จะเปิดเวบไซด์ขายของด้วยดีไหม
…. ฯลฯ

มีน้อยไป ก็ไม่ดี
มีมากไป ก็ลำบากไปอีกแบบ

เหมือนสาวๆสมัยนี้ยังไงครับ มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนชายมากหน้าหลายตา ไหนจะเพื่อนเมหาวิทยาลัย รุ่นพี่ที่ทำงาน แล้วยังมีรู้จักกันผ่าน facebook hi5 myspace อีก
แต่สาวๆสมัยนี้ กลับเป็นโสดเยอะกว่ายุคไหนสมัยไหน
แบบนี้แปลว่าอะไร ถ้าไม่ใช่ “ตัวเลือกเยอะไป ต้องใช้เวลาเรียนรู้จักกันมากขึ้น”

ใส่ความเห็น